ชาวบ้านที่รอรับนายกรัฐมนตรี ได้ก้ม กราบ ประวิตร ขณะลงพื้นที่ จ.อุดรธานี พร้อมชมนายกฯว่า หล่อมาก สมาร์ท และอวยพรให้สุขภาพแข็งแรง จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พร้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รวมถึงคณะรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจ.อุดรธานี เพื่อฟื้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ในระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ พบปะประชาชนที่วัดป่าบ้านตาดร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจังหวะที่ลงจากรถ
มีประชาชนเข้ามาต้อนรับอย่างใกล้ชิด โดยมีหญิงสาวสูงวัย 2 รายปรี่เข้ามาหา โดยรายหนึ่งได้ก้มกราบเท้า พล.อ.ประวิตร โดยนาย ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรข่าวของ Voice TV ได้โพสต์วิดีโอวินาทีดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก ซึ่งจากในคลิปจะเห็นได้ถึงวินาทีที่หญิงคนดังกล่าวก้มกราบ รองนายกฯ และมีเสียงตะโกนว่า ท่านนายกฯหล่อจังเลย สมาร์ท พร้อมกับอวยพรให้ สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย ซึ่งนาย ศิโรตม์ โพสต์ข้อความระบุว่า ประชาชนก้มกราบเท้าประวิตรที่อุดร เรียกท่านนายกสนั่น ประวิตรยิ้มดีใจ กองเชียร์ลั่นท่านนายกหล่อมาก
กระทรวงสาธารณสุขภูเก็ต ออกมาเปิดเผยว่า ภูเก็ต ยังไม่พบผู้ป่วยโควิด โอไมครอน ขณะที่ผู้ที่เข้ามาจากการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์พบติดเชื้อแล้ว 39 ราย สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1-27 พ.ย. มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตามโครงการ Test & Go จำนวน 16,446 คน ตรวจ PCR 16,446 คน พบติดเชื้อ 23 คน ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จำนวน 15,914 คน พบติดเชื้อ 39 คน
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า ไม่มีผู้เดินทางมาจาก 8 ประเทศที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน
ขณะที่ รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกฯระบุว่า ไม่มีผู้เดินทางมาจาก 8 ประเทศที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน
ประยุทธ์ ควง ประวิตร รวมถึงคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ วังนาคินทร์ คำชะโนด โดยเดินทางด้วยโตโยต้าอัลพาร์ด เลขทะเบียน กว 5445 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จ.อุดรธานี
โดยในจุดแรกนายกฯ พร้อมคณะ เดินทางมายังวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี เพื่อตรวจความก้าวหน้าการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) โดยพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ได้นั่งรถคันเดียวกัน คือ โตโยต้าอัลพาร์ด เลขทะเบียน กว 5445 อุดรธานี อีกทั้งระหว่างการปฎิบัติภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความรักพล.อ.ประวิตรด้วยการประคองเดินเป็นระยะๆ
สธ. เร่งตามตัว ชาวต่างชาติ 100 คน ตรวจโควิด หลังมาจากพื้นที่เสี่ยง โอไมครอน
ทวีศิลป์ เผยเร่งตามตัว ชาวต่างชาติ 100 คน ตรวจโควิดด้วยวิธี RT-PCR หลังจากที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โอไมครอน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ ปชช. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการ สธ. เขตสุขภาพที่ 10 และ โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยกล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสัปดาห์รณรงค์สู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส ในวันที่ 5 ธ.ค.64 ถือว่าค่อนข้างเข้าใกล้เป้าหมาย ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยหรืออุปสรรคที่ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงวัคซีน พบว่าประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) เกือบทั้งภาค มีตัวเลขการฉีดวัคซีนในภาพรวม เพียงร้อยละ 50 หรือ เดินไปจะพบ 1 คน ฉีดวัคซีน และ อีก 1 คน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
“ซึ่งที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) หารือกันถึงเรื่องนี้ และเร่งให้จัดทำแผนอุดช่องว่าง โดยพบว่าปัจจัยที่ทำให้คนเข้าไม่ถึงวัคซีน มี 3 ประการคือ 1.ความเชื่อและความกังวลถึงผลข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ฉีดแล้วป่วย มีไข้ รวมทั้งบางรายเสียชีวิต
เรื่องนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ได้เร่งจัดเตรียมชุดข้อมูลที่มีการพิสูจน์ทราบถึงผลจากการฉีดวัคซีน ให้ประชาชนรับรู้ให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า ทั่วโลกฉีดวัคซีนไปหลายพันล้านโดส และข้อดีของการฉีดมีมากกว่า อีกทั้งวัคซีนที่ภาครัฐจัดหาให้ หากมีผลกระทบก็จะมีกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษก ศบค. กล่าวว่า 2.เรื่องความห่างไกล เรื่องนี้สธ.จัดทีมเข้าไปฉีดถึงบ้าน โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เดินเข้าหาทุกพื้นที่ แม้เดินไปทั้งวันได้ 1 คน 2 คน ก็ยังทำกันอยู่ 3.การเลือกชนิดวัคซีน ที่ผ่านมา อาจมีข้อติดขัด แต่ขณะนี้วัคซีนมีความหลากหลายสามารถเลือกได้ เราจัดไว้คล้ายเมนูอาหาร สามารถเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนสูตรไหน ทั้งนี้ก็เชื่อว่าการจัดเตรียมการต่างๆ เหล่านี้จะทำให้การเข้าถึงวัคซีนได้ดีขึ้น
“ที่ประชุมอีโอซี ยังได้รายงานกรณีโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนว่า เสนอ ศบค.ให้กลับมาใช้การตรวจแบบ RT-PCR ในผู้เดินทางเข้าประเทศแล้วอีกระยะ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในประเทศ และในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้จะติดตามคนต่างชาติที่มาจากพื้นที่ที่ความเสี่ยงสูงจากสายพันธุ์โอไมครอน ที่เข้ามาในประเทศไทยก่อนหน้านี้ จำนวน 100 กว่าคน ให้มาตรวจด้วยวิธี RT-PCR อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนในประเทศ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป